ถือเป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจอย่างมากในตอนนี้ โดยล่าสุดนายกรัฐมนตรี ขอสื่อฯอย่านำเสนอภาพความรุนแรง”โจรปล้นทอง”ซ้ำวนไปวนมา ขอให้รอฟังการแถลงของตำรวจเท่านั้น ขณะที่ ผบ.ตร.มีกำหนดลงพื้นที่ลพบุรีอีกรอบ เผยข้อมูลล่าสุด ล็อกเป้าผู้ต้องสงสัยเหลือแค่ 3
ความคืบหน้าการล่าตัว “โจรปล้นทอง” ชายผู้โหดเหี้ยม ผู้ใช้อาวุธปืนติดที่เก็บเสียงยิงคนบริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็กไร้เดียงสา เสียชีวิต 3 คน ก่อนชิงทองร้อนทอง ภายในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองลพบุรีไปได้น้ำหนักรวม 28 บาท ก่อเหตุช่วงค่ำวันที่ 9 ม.ค. ก่อนขี่ จยย.ย้อนศรหลบหนี เจ้าหน้าที่จัดกำลังไล่ล่า ทั้งชุดสืบสวน ในพื้นที่ตำรวจภาค 1 ตำรวจกองปราบปราม คอมมานโด 94
วันที่ 14 ม.ค. ย่างเข้าวันที่ 6 หลังเกิดเหตุ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่อีกไม่เกิน 2 วัน ล่าสุด นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวหลังการประชุม ครม.ว่า ขอให้ฟังการแถลงผลจับคนร้ายปล้นร้านทองลพบุรี จากคนที่รับผิดชอบคดี ขอสื่อฯ อย่านำเสนอข้อมูลหรือภาพข่าวความรุนแรงที่วนซ้ำไปมา
ขณะเดียวกัน ที่ จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมเข้าประชุมเพื่อรายงานต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่กำหนดเดินทางลงพื้นที่อีกครั้ง หลังจากทางตำรวจยืนยันคดีมีความคืบหน้าไปกว่า 70%
ทั้งนี้ ข้อมูล จากแหล่งที่เชื่อได้ ยืนยันว่า
“สาเหตุที่ตำรวจนำหุ่นพลาสติกมาจำลองเหตุนั้น เพราะตอนนี้ชุดสืบสวนสืบจนไปถึงต้นทางเครื่องแต่งกายคนร้าย จนทราบว่าคนร้ายได้ซื้อเสื้อผ้าที่สวมในวันเกิดเหตุที่ร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่งใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี โดยเครื่องแต่งกายเป็นของปลอมทำเลียนแบบยี่ห้อดัง ทางชุดสืบสวนไปตรวจสอบเสื้อผ้าที่ร้านนี้มา แล้วนำหุ่นที่มีลักษณะรูปพรรณคล้ายตัวคนร้ายมาจำลองการสวมใส่เสื้อผ้าให้เป็นลักษณะเดียวกับคนร้าย เพื่อตรวจสอบหาความเป็นไปได้
จากข้อมูล ขณะนี้ รู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว 3 คน คนแรกเป็นลูกหลานของผู้มีอิทธิพลในจังหวัด ซึ่งตำรวจสืบสวนจากท่าทีการเดินคล้ายกับคนร้าย คนที่สองเป็นบุคคลมีสี ที่เป็นคนในเครื่องแบบ พักอาศัยที่ค่ายแห่งหนึ่ง และคนที่สามเป็นพลเรือน ซึ่งทั้งหมดพักอาศัยอยู่ในจังหวัดลพบุรี โดยคืนที่ผ่านมา ตำรวจมีการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งมาสอบปากคำ ซึ่งให้การเป็นประโยชน์มากพอสมควร ก่อนจะปล่อยตัวกลับไป โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้พามา ซึ่งหากมีความชัดเจนมากกว่านี้ คาดว่าจะมีการขอหมายค้นเพื่อหาหลักฐานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง”
ขอบคุณ ไทยรัฐ