เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ สำหรับสถานการณ์ covid-19 ที่ในจีนเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นแล้ว เพราะพบผู้ป่วยน้อยลง ขณะที่โรงพยาบาลชั่วคราวที่สร้างขึ้นมารองรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ก็เริ่มปิดตัวเพราะคนไข้จำนวนมากกลับบ้านได้แล้ว แต่ในหลายประเทศอย่าง อิตาลี อิหร่าน และญี่ปุ่น ดูเหมือนตัวเลขผู้ป่วย COVID-19 จะยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด ทั้งยังแพร่กระจายไปยังประเทศข้างเคียง จนรัฐบาลแต่ละชาติต้องออกมาตรการที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพื่อมารับมือกับการ แ พ ร่ ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้
ขณะเดียวกัน ในช่วงที่ไวรัสกำลัง แ พ ร่ ยังมีคนอีกกลุ่มที่แสวงหาผลกำไร อย่างเช่นสองพี่น้อง Matt และ Noah Colvin จากเมือง เทนเนสซี่ พวกเขาขับรถออกไปหลายพันไมล์ เพื่อที่จะกว้านซื้อ “เจลล้างมือ” เท่าที่ทั้งสองจะหาซื้อได้
โดยสองพี่น้องลงทุนซื้อเจลล้างมือมาในราคาไม่ถึงขวดละ 10 ดอลลาร์ (ประมาณ 320 บาท) แต่ขายออกไปในมูลค่า 70 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,240 บาท) ซึ่งทั้งคู่ได้ทุ่มงบรวมกันไปกว่า 300,000 – 450,000 บาท ในแผนการณ์ขายครั้งนี้
ซึ่งแผนการณ์ของทั้งคู่เริ่มต้นจากการไปเหมาซื้อเจลล้างมือกว่า 2,000 ชุด (ในราคา 3.5 ดอลลาร์) แต่นำมาวางขายใน อีเบย์ ด้วยราคา 40-50 ดอลลาร์ โดยในเวลานั้นมีคนพร้อมซื้อ ทำให้สินค้าของทั้งคู่ขายหมดอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เมื่อเห็นช่องทางการทำเงินที่ค่อนข้างสบาย สองพี่น้องหัวใสก็ได้เช่ารถบรรทุกขับไปกว่า 2,000 กิโลเมตร เพื่อกว้านซื้อเจลล้างมือตามซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ แล้วนำมาวางขายในเว็บไซต์ Amazon และก็เป็นไปตามคาดเมื่อ สินค้าของพวกเขาถูกนักช็อปออนไลน์ซื้ออย่างรวดเร็วในราคา 8-70 ดอลลาร์ (มีมูลค่าสูงกว่าต้นทุน 10 เท่า)
อย่างไรก็ตาม แผนการณ์ทำเงินอย่างฟูฟ่าของพวกเขาก็ล้มลงอย่างไม่เป็นท่า เมื่อเว็บไซต์ Amazon ได้จัดการแบนไอดีของทั้งคู่ลงไป เนื่องจากมีนโยบายควบคุมราคาสินค้าจำพวกหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ นอกจากนี้แอคเคานท์อีเบย์ของเขาก็ถูกระงับเช่นกัน จากนโยบายการขายสินค้าเกินราคา
ขณะเดียวกัน สองพี่น้อง มีเจลล้างมือเก็บไว้อีกกว่า 17,700 ขวด ซึ่งยังหาวิธีขายออกไปไม่ได้ นอกจากนั้น ทั้งสองคนยังถูกสำนักงานอัยการของรัฐเทนเนสซี่ เข้าตรวจสอบ เนื่องจากมี ก ฎ ห ม า ย คุ้มครองการขายสินที่จำเป็นเกินราคาอยู่
ขอบคุณที่มา nytimes