ยังคงได้รับการติดตามอย่างต่อเนื่องสำหรับสถานการณ์ในประเทศและต่างประเทศ โดยล่าสุดมีผู้ป่ว ยสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 1,015,466 ราย มีผู้เ สี ยไปกว่า 53,190 คน ในจำนวนนี้มีผู้รักษๅหายแล้ว 212,229 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 3 เมษายน 2563 เวลา 09.29 น.)
ครม.อนุมัติหลักการ บรรจุข้าราชการ สธ. 45,242 ตำแหน่ง เพื่อความมั่นคงของการสาธารณสุขไทย และสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งนางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจ้งมีวาระสาธารณสุขเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยขอนำเสนอด้วยตนเอง คือ การขอบรรจุข้าราชการเพิ่มเติมจากที่เป็นพนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข และลูกจ้างกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ดูแลสถานการณ์ จำนวน 45,684 คน จากจำนวนบุคลากรประเภทนี้ที่อยู่ในสาธารณสุขประมาณ 160,000 คน
โดยบุคลากรเหล่านี้ล้วนเป็นบุคลากรวิชาชีพ อาทิเช่น แพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักเทคนิคการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด้านการสาธารณสุขในด้านต่าง ๆ ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีทักษะและได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ประเทศควรจะต้องรักษาให้ระบบการสาธารณสุขสามารถคงจำนวนบุคลากรเหล่านี้ให้อยู่ในระบบอย่างยั่งยืน ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ของกลไกราชการ บุคลากรเหล่านี้มีสภาพเป็นเพียงพนักงานหรือลูกจ้างของรัฐ สาธารณสุขใช้เงินบำรุงของแต่ละโรงพยาบาลมาว่าจ้าง ทำให้เกิดการหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านของบุคลากรในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก
เพราะเมื่อมีข้อเสนอที่ดีกว่าจากภาคส่วนอื่น ๆ เขาก็ต้องไปทำงานในที่ที่มีรายได้มากกว่า ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนในการฝึกฝนทักษะรัฐได้เป็นผู้ลงทุนไว้ เมื่อมีสถานการณ์ ในครั้งนี้ ได้เห็นการทุ่มเท เสียสละ และความมุ่งมั่นของบุคลากรสาธารณสุขเหล่านี้ที่เข้าไปต่อสู้รักษาป้องกันอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยต่อคนในชาติ โดยเฉพาะผู้ป่ว ย
การปรับสถานะให้พวกเขาได้มีความมั่นคงในอาชีพการงาน จะทำให้คุณภาพของงานบริการผู้ป่ว ยได้รับการยกระดับอย่างชัดเจน เป็นเรื่องที่ค้างคามานาน ต้องใช้อำนาจทางการบริหารเท่านั้นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเขาได้ บุคลากรเหล่านั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญเฉพาะทางเป็นสายอาชีพ ไม่สามารถทดแทนได้ด้วยคนสายอื่นหรือเครื่องจักรได้ ที่นำเสนอมานี้ไม่ใช่เป็นการมาขออัตราเพิ่ม แต่เป็นการทำให้ระบบมีความสมบูรณ์ ทุกวันนี้เราใช้เงินบำรุงจากโรงพยาบาลจ้างก็เหมือนกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวัน ๆ ต่อให้ปรับสถานะของเขาก็ไม่ได้หมายความว่าเขามีรายได้มากเท่ากับการไปทำงานในภาคเอกชน แต่อย่างน้อยคำว่า “ข้าราชการ” ก็จะทำให้เขามีความภาคภูมิใจในวิชาชีพของพวกเขา สามารถทดแทนทางเลือกที่จะไปทำงานในภาคส่วนอื่น เนื่องจากมีความมั่นคงและมีเกียรติยศ
สิ่งที่กำลังพิจารณาอยู่นี้เป็นการเตรียมความพร้อมของระบบการสาธารณสุขของประเทศให้มีความมั่นคงยิ่งกว่าเดิม เมื่อเราผ่านพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้ เราจะมีบุคลากรสาธารณสุขที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ ความพร้อม และศักยภาพในการรับมือครั้งใหญ่ในอนาคต และที่สำคัญที่สุดเรากำลังสร้างฐานที่มีความมั่นคงทางการสาธารณสุข ที่พร้อมให้การดูแลสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้ คนเหล่านี้จะมีผู้ดูแล รักษา ป้องกันโ ร ค เพื่อประเทศไทยจะได้มีสังคมผู้สูงอายุที่แข็งแรง มั่นคง ยั่งยืน และเป็นประเทศที่มีระบบการสาธารณสุขที่เข้มแข็งในลำดับต้น ๆ ของโลกตลอดไป
หากข้อเสนอนี้ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เราจะสามารถสร้างความมั่นคงให้บุคลากรสาธารณสุขเป็นจำนวนมากและเป็นการยกระดับ เสริมรากฐานที่มั่นคงของระบบสาธารณสุขให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยผลลัพธ์ที่ได้มาคือ สธ. มีบุคลากรที่เข้มแข็งมากด้วยประสบการณ์และความชำนาญ โรงพยาบาลไม่ต้องนำเงินบำรุงมาจ้างคนที่ไม่มีความแน่นอนว่าจะอยู่ทำงานกันนานหรือไม่ และสามารถนำเงินบำรุงเหล่านี้ไปพัฒนาหน่วยบริการ แก้ไขปัญหาการเงิน ตามภารกิจหลักของโรงพยาบาลได้ นี่คือสิ่งที่เราจะได้กลับมาจากการมีสถานการณ์ ในครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ความพยายามและความทุ่มเทต่าง ๆ ที่พวกเราใส่ลงไปไม่สูญเปล่า
ก่อนหน้านั้น นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “รมต.อนุทิน จะมีน้ำยาแค่ไหน รอลุ้นพรุ่งน ผมทราบข่าวแว่วมาดังในช่วงเย็น 2 เมษายน 2563 ทราบว่า ท่านรัฐมนตรีอนุทิน จะนำเรื่องสำคัญเสนอในที่ประชุม ครม.นัดพิเศษในวันพรุ่งนี้ 3เมษายน 2563 นั่นคือเรื่องการขอตำแหน่งบรรจุพนักงานของรัฐในกระทรวงสาธารณสุขกว่า 40,000 ตำแหน่งให้เป็นข้าราชการ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ อันนี้ถ้าทำได้สำเร็จก็ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงอย่างแน่นอน
ในโรงพยาบาลจะนะเองก็มีวิชาชีพสุขภาพหลายวิชาชีพที่รอการบรรจุเป็นข้าราชการ ส่วนใหญ่รอมาหลายปีแล้ว มีทั้งพยาบาล เทคนิคการแพทย์ กายภาพบำบัด นักจิตวิทยา นักการแพทย์แผนไทย นักวิชาการสาธารณสุขที่ทำหน้าที่ควบคุมโ ร ค เป็นต้น และที่สำคัญที่สุด แม้แต่แพทย์ครับ ที่โรงพยาบาลจะนะมีแพทย์ 1 ท่านที่ยังเป็นลูกจ้างอยู่เลยเพราะตำแหน่งบรรจุนั้นขาดแคลนยิ่งกว่าหน้ากากอนามัยเรื่องนี้ไม่ง่ายครับ โดยเฉพาะในยุคของนายกลุงตู่ที่มีแนวบริหารแบบ รัฐราชการ คือ ฟัง กพร.และสำนังบประมาณเป็นหลัก แถมกระทรวงอื่นก็อาจจะอยากขอเพิ่มบ้าง ถ้า leadership ไม่ strong ท่าทางจะกินแห้วได้ หรือได้ด้วยความเกรงใจมาหลักพันตำแหน่งในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลกัน
รอลุ้นพรุ่งนี้ครับ ว่าจะมีข่าวดีจากรัฐบาลสำหรับบุคลากรด้านสุขภาพไหม หลังจากที่มีแต่ความเสี่ ย งและความขาดแคลนอุปกรณ์มาตลอดช่วงที่ผ่านมาท่านรู้ไหม “น้องๆที่โรงพยาบาลจะนะและบุคลากรสาธารณสุขทั่วประเทศรวมทั้งผมด้วย ขอให้กำลังใจท่าน รมต.อนุทิน ในการผลักดัน เรื่องนี้ให้สำเร็จนะครับ” ทำดีก็ต้องชื่นชมให้กำลังใจท่านอนุทินร่วมกัน แล้วรอลุ้นผลลัพธ์กัน พรุ่งนี้ครับ”
ล่าสุดมีรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เห็นชอบในหลักการ ให้กระทรวงสาธารณสุข บรรจุ บุคคลกรทางการเแพย์ เจ้าหน้าที่ที่ยังเป็น ลูกจ้าง หรือพนักงานราชการ ได้เป็น “ข้าราชการ” ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เสนอ โดยให้ไปหารือ กับ กพ.และ กพร.เสนอ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 7 เมษายน พิจารณาต่อไป
โดยข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมครม.นัดพิเศษ ยังเห็นชอบกับข้อเสนอของ นายอนุทิน ในการอนุมัติให้เภสัชกร จบใหม่ 350 ราย เป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข จึงทำให้ยอด รวมเพิ่มเป็น 45,684 ตำแหน่ง
ที่มา tnews