น้องอาร์ม ถูกสั่งไม่ให้ขายนมเปรี้ยว

News

เมื่อไม่นานมานี้มีผู้หวังดีได้แชร์เรื่องรวของน้องอาร์มยอดกตัญญู ที่ออกจากโรงเรียนตระเวนขายนมเปรี้ยวตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งทำให้ชาวโซเชียลทั้งสงสารและชื่นชมในความสู้ชีวิตของน้องอาร์มเป็นอย่างมาก จึงถ่ายรูปน้องแชร์ลงในโซเชียล ระบุใครพบเจอขอให้ช่วยซื้อ ช่วยอุดหนุน จนมีผู้คนสนใจเข้าไปแสดงความคิดเห็นจำนวนมากจนเรื่องถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

สำหรับ ด.ช.วัย 14 ปี โดยทั่วไปเขาจะได้เรียนหนังสือสนุกสนานอยู่กับเพื่อนฝูงในวัยเดียวกันและมีครอบครัวพร้อมหน้า แต่น้องอาร์มคนนี้ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเขาต้องเลิกเรียนตั้งแต่จบชั้นป.6 เพราะความจน พ่อแม่แยกทางไปตั้งแต่ยังเล็ก และพ่อก็ไม่เคยมาเหลียวแล มีแต่แม่นานๆ ครั้งจะมาเยี่ยมบ้าน ปล่อยให้น้องอาร์มกับน้องสาววัย 10 ขวบ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และพูดไม่ได้อาศัยอยู่กับนางแอ๊ด ผู้เป็นย ายวัย 59 ปี ที่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 7 ต.บางม่วง อ.เมือง จ.นครสวรรค์

น้องอาร์มได้ทำงานรับจ้างทุกอย่างที่จะมีคนจ้าง และรับจ้างบรรจุหน่อไม้ดองใส่ปี๊บได้เงินค่าจ้างวันละ 50 บาท ไม่เคยเกี่ยงงานแม้จะได้เงินเท่าไหร่ก็ยอมทำ บางวันไม่มีงานก็เคยเดินขอเงินชาวบ้านเพื่อไปซื้อข้าวให้ย ายกับน้องก็ต้องทำ หวังแค่ให้ย ายกับน้องได้อิ่มท้อง ซึ่งกว่าชีวิตจะผ่านไปได้แต่ละวันไม่ง่ายเลย

จนวันหนึ่งชีวิตเริ่มจะเห็นทางที่ดีขึ้นเมื่อ น.ส.สายฝน จันทร์เพ็ญ อายุ 31 ปี พนักงานสาวขายนมเปรี้ยวยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านอยู่ในละแวกเดียวกันมาชักชวนให้น้องอาร์มไปช่วยขายนมเปรี้ยว น้องอาร์มจึงตัดสินใจไปทำงานด้วย สวมเครื่องแบบพนักงานขายตระเวนไปตามที่ต่างๆ พร้อมกับพี่สายฝน ซึ่งน้องอาร์มจะได้ค่าแรงและเงินจากยอดขายประมาณวันละ 400 บาท

พี่สายฝน เปิดใจสาเหตุที่ชวนน้องอาร์มไปขายของด้วยกันว่า ก่อนหน้านี้เห็นน้องอาร์มเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่แถวบ้านและทราบว่าน้องไม่เรียนต่อจึงได้ตัดสินใจชวนให้มาขายนมเปรี้ยวด้วยกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็เพิ่งตกงานมาเพราะได้รับผลกระทบจากโ ค วิ ด จึงได้ตัดสินใจไปสมัครงานเป็นคนขายนมเปรี้ยว และเขาก็เพิ่งรับให้ทำงานเป็นคนขายเมื่อช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนน้องอาร์มก็เพิ่งมาช่วยตนขายได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น

ซึ่งตั้งแต่มีน้องอาร์มมาช่วยขายกลับทำให้ยอดขายของตนดีขึ้นอย่างมาก ต้องยอมรับว่าน้องอาร์มผิดจากที่เห็นในตอนแรก ดูคล้ายเป็นคนดื้อเงียบ แต่พอมาอยู่ช่วยขายของกับตน น้องอาร์มกลับกลายเป็นคนขยันจะมาช่วยตนขายของตั้งแต่เช้าถึงเย็นทุกวัน ทุกวันนี้หนูมีหน้าที่รับผิดชอบขายนมเปรี้ยวอยู่ในเขตพื้นที่ อ.ท่าตะโก ซึ่งจะต้องพาน้องอาร์มเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างด้วยตู้แช่เย็นเดินทางไปที่ อ.ท่าตะโก ทุกวัน ไปกลับระยะทางกว่า 100 กิโลเมตรทุกวัน

หลังน้องอาร์มเป็นประเด็นที่พูดถึงกันในโซเชียล ต่อมา นางประภาวดี สิงหวิชัย นายกเหล่ากาชาดจ.นครสวรรค์ ร่วมกับตัวแทนพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครสวรรค์ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดนครสวรรค์ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดนครสวรรค์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านน้องอาร์มเพื่อให้การช่วยเหลือและนำสิ่งของอุปโภคบริโภคพร้อมเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งมาให้

ก่อนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะร่วมประชุมกันและมีความเห็นจะช่วยให้น้องอาร์มได้เรียนต่อระดับมัธยมในโรงเรียน กศน.นครสวรรค์ ซึ่งน้องอาร์มก็ยินดี และสัญญาจะตั้งใจเรียน โดยเจ้าหน้าที่ย้ำชัด ขณะที่น้องอาร์มเองก็ต้องไม่ออกไปทำงานขายของอีก ส่วนน้องสาวของน้องอาร์มทางสภากาชาดไทยจะให้ความช่วยเหลือเรื่องการรักษา โดยจะมีการทำเรื่องส่งตัวไปรักษาที่กรุงเทพฯ

ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วง จะติดตามดูแลช่วยเหลือน้องอาร์มกับยายและน้องตามความเหมาะสมอย่างต่อเนื่อง และดูแลการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือจากบริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว (กะทิชาวเกาะ) ร่วมกับยายแอ๊ด ซึ่งปัจจุบันมีเงินคงเหลือในบัญชี 16420.78 บาท อีกด้าน มูลนิธิพุทธฉือจี้ จะโอนเงินช่วยเหลือให้เดือนละ 1000 บาท โดยอยู่ในการดูแลของผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.บางม่วง