เตือน 6 จังหวัด ช่วง 2 ถึง 5 ตุลาคม

News

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้ออกมาเตือนประชาชนให้ระวังน้ำหลาก โดยนายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ประกาศ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เรื่อง เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ฉบับที่ 8/2563 ตามที่กรมอุตุนิยมวิทย า คาดการณ์สภาพอากาศ ในช่วงวันที่ 2-5 ตุลาคม 2563 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ประกอบกับ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง นั้น

กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ประเมินปริมาณฝนคาดการณ์ จากแผนที่ฝน ONEMAP และข้อมูลพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลากของกรมทรัพยากรธรณี พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ บริเวณภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 2 ถึง 5 ตุลาคม 2563 ดังนี้ 1. เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมขังและดินถล่ม จังหวัดปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และ ตราด และ 2 เฝ้าระวังระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ90 ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก และอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยอง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 10 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองวังบอน จังหวัดนครนายก อ่างเก็บน้ำทับลาน อ่างเก็บน้ำคลองไม้ปล้อง จังหวัดปราจีนบุรี อ่างเก็บน้ำศ าลทราย จังหวัดจันทบุรี อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ จังหวัดระยอง รวมถึงอ่างเก็บน้ำเขาระกำ อ่างเก็บน้ำบ้านมะนาว อ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง อ่างเก็บน้ำคลองสะพานหิน และอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ จังหวัดตราด

ทั้งนี้ทาง กอนช. จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ติดตามเฝ้าระวังสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง หรือพื้นที่เสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมขังซ้ำซากและมีสิ่งกีดขวางทางระบายน้ำ พร้อมกับประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมในการอพยพ ได้อย่างทันท่วงที หากเกิดสถานการณ์

ทั้งนี้ให้ปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ พร้อมพิจารณาความเหมาะสมในการบริหารน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ90 หรือเกินเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำสูงสุด (Upper Rule Curve) เพื่อมิให้ส่งผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำรวมทั้งเตรียมพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อเป็นแก้มลิงในการหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก และ เตรียมความพร้อมแผนเผชิญเหตุรับมืออุ ท กภัย บุคลากร และเครื่องจักรเครื่องมือ เพื่อบูรณาการ ให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน