เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง จากคำบอกเล่าของแม่ชีเสาวลักษณ์ จั่นแจ่ม ที่พำนักอยู่ที่ ถ้ำพระธาตุโบราณสถานเขาวง หมู่ที่ 1 ต.เขาวง อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี โดยแม่ชีได้เล่าว่า ว่ามีญาติโยมมานั่งกรรมฐานแล้วเห็นพระพุทธรูปลอยมาหา ติดต่อกัน 3 วันติด ทั้งนี้ แม่ชีเสาวลักษณ์ พาเดินตามบันไดขึ้นไปบนถ้ำที่มีพระพุทธรูปน้ำตาไหลเป็นสี เ ลื อ ด
แม่ชีเสาวลักษณ์ จั่นแจ่ม ผู้นิมิต
เมื่อหลายปีก่อน แต่ยังไม่ถึงปากถ้ำนับตามขันบันไดได้ประมาณ 167 ขั้น ที่ฐานปูนกำลังสร้างฐาน มีญาติโยมมาปฏิบัติธรรมเข้ากรรมฐาน โดยมาถือปฏิบัติธรรมกรรมฐานให้คุณแม่ ที่ถ้ำแห่งนี้ ขณะที่นั่งกรรมฐานอยู่ ก็เห็นพระพุทธรูปลอยมาหาเป็นพระพุทธรูปปางถวายเนตร ปางยืน โยมจึงสอบถามแม่ชีเสาวลักษณ์ว่า ที่แห่งนี้มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์หรือเปล่า เพราะฝันเห็นติดต่อกัน 3 วัน แล้ว
ตอนนั่งกรรมฐานเห็นเป็นพื้นที่นี้เลย
แม่ชีเสาวลักษณ์ กล่าวต่อว่า ที่ถ้ำพระธาตุโบราณสถานแห่งนี้ มีพระพุทธรูปปูนปั้นปางไสยาสน์เก่าโบราณอยู่องค์หนึ่ง แต่ล้มมานานแล้ว ขาก็หักแขนก็หัก เหลือเศียรพระพุทธรูปปั้นด้วยปูนรูปลักษณ์แบบเก่ามาก คนสร้างไม่ได้ผูกเหล็ก ต่อมาแม่ชีพาผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบ พบบริเวณพระพุทธรูปปูนปั้นนอนอยู่เห็นต้นไม้ ก้อนหินบริเวณรอบๆ ก็ตรงกับที่เห็นในกรรมฐาน จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าเขาจะเป็นผู้ทำนุบำรุงนำท่านขึ้นมา ก็ขอให้เขาได้ทำ
เดินมาดูแล้วพบจริงๆ
หลังจากนั้นเมื่อโยมคนดังกล่าวกลับกทม. เขาก็โทรศัพท์บอกแม่ว่า เขาจะเป็นเจ้าภาพอัญเชิญท่านขึ้นมาใหม่ เพราะในอดีตท่านคือองค์ปางถวายเนตร หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง หรือวัดจันทาราม จ.อุทัยธานี) ท่านก็สื่อว่าเป็นพระพุทธรูปปางถวายเนตร พระประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ชาวบ้านเล่าว่าสมัยก่อนยังไม่มีบันได ต้องปีนเขาขึ้นมาบนถ้ำ ก็เห็นเศียรพระพุทธรูปองค์นี้นอนอยู่แล้ว ตรงนี้เดิมมีศาลาปฏิบัติธรรม แต่ถูกไฟไหม้หมด พระพุทธรูปท่านก็ล้ม แขนขาหัก มีป่าหญ้าขึ้นปกคลุม ตอนนี้ก็กำลังระดมกำลังจากเพื่อนๆ และญาติๆ โดยในวันที่ 31 ต.ค.นี้ จะมีพิธีบวงสรวงอัญเชิญท่านขึ้นมาบูรณะ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เข้ามากราบบูชาเพื่อเป็นพุทธานุสติต่อไป